มารู้จัก Tense กันเถอะ

วันอังคารที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2553

1) Present Simple Tenseโครงสร้างของ tense ไม่ค่อยจะยุ่งยากซักเท่าไหร่ โครงสร้างก็จะมี ประธาน+กริยาช่อง1 tense นี้ ใช้บรรยายถึงเรื่องราวอันเป็นข้อเท็จจริง ที่เห็นและเป็นอยู่ tense นี้เวลาคือปัจจุบัน แต่้เวลาก็ไม่สำคัญเสมอไปสำหรับ tense นี้ เช่นThe flight leaves Chiangmai for Bangkok at 6:00 pm tomorrow.เที่ยวบินนั้นจะออกจากเชียงใหม่ไปกรุงเทพเวลา 6 โมงเย็นพรุ่งนี้จะมีคำว่า tomorrow ซึ่งแปลว่า พรุ่งนี้อยู่ เหตุการณ์เป็นอนาคต แต่เราสามารถใช้รูปกริยา Present simple มาพูดได้เพราะเราสนใจที่ข้อเท็จจริง

2) Past Simple Tenseรูปแบบของประโยคก็ไม่มีอะไรซับซ้อน รูปแบบของมันก็คือ ประธาน+กริยาช่อง2 tense นี้จะบอกเล่าถึงเวลาที่เป็นอดีต บอกเล่าถึงเรื่องราวที่ผ่านมาเช่นChristopher Columbus discovered America in 1492.คริสโตเฟอร์ โคลัมบัส ค้นพบอเมริกาในปี ค.ศ. 1492

3) Future Simple Tenseรูปแบบประโยคคือ subject+will+V ประโยคนี้ใช้ถึงเหตุการณ์ที่อยู่ในอนาคตที่เราต้องการบอกเช่นI will open the window.ผมจะไปเปิดหน้าต่าง

4) Present Continuous Tenseโครงสร้างของประโยคคือ Subject+is/am/are+V-ing เช่นWhat are you doing?คุณกำลังทำอะไรI am talking with you.ฉันกำลังพูดกับคุณคุณสมบัติของความเป็น present ใน tense นี้ พุ่งความสนใจไปที่เวลาในปัจจุบันเกิดขึ้นตอนนี้ขณะนี้ ส่วนคุณสมบัติของความเป็น continuous นั้นต้อง1.เป็นเรื่องชั่วคราว(Temporary)2.มีช่วงระยะเวลา(Duration)3.ยังไม่สิ้นสุด (Unfnished)(จำด้วยใช้เยอะ)

5) Past Continuous Tenseโครงสร้างของประโยค Subject+was/were+V-ing เช่นI was eating when Natalie arrived home.ผมกำลังกินอาหารตอนที่นาตาลีมาถึงบ้านความเป็น continuous นั้นยังคงเป็นอยู่เหมือนเดิิืม ส่วนเวลานั้นเป็นอดีต

6) Future Continuous Tenseโครงสร้าของประโยค Subject+will+be V-ing เช่นI will be working when she comes home tonight.ฉันจะกำลังทำงานอยู่ตอนที่เธอกับคนบ้านคืนนี้ความเป็น continuous ยังคงอยู่เหมือนเดิม ส่วนเวลาคือ อนาคต

7) Present Prefect Tenseโครงสร้างของประโยค Subject+has/have+V.3 เช่นWhat have you done today?วันนี้ไปทำอะไรมาI have done many things.ฉันได้ทำหลายสิ่งเลยนะเธอtense นี้ถ้าจะให้ง่าย ต้องจำกริยาช่อง3 ให้ได้ เคล็ดลับการจำ tense นี้ มีลักษณะที่สำคัญ 2 อย่างคือ1.เป็นการมองย้อนกลับไปยังเหตุการณ์ในอดีตจากเวลาในปัจจุบันและ2.เหตุการณ์นั้นจะต้องมีความเกี่ยวโยงส่งผลกับปัจจุบันเสมอไม่ทางใดก็ทางหนึ่งเช่นKlangjai has studied French in France and Italian in Italy. Now she speaks French and Italian fluently.กลางใจได้ศึกษาภาษาฝรั่งเศสที่ประเทศฝรั่งเศสและภาษาอิตาเลี่ยนที่ประเทศอิตาลี่ตอนนี้เธอพูดภาษาฝรั่งเศสและอิตาเลี่ยนได้อย่างคล่องแคล่ว

8) Past Prefect Tenseโครงสร้างของประโยค Subject+had+V3 เช่นI had finished my homework before I went home.ผมทำการบ้านเสร็จก่อนที่จะกลับบ้านคุณสมบัติของ tense นี้1.มองเหตุการณ์ย้อนหลังไปยังอดีตก่อนหน้านั้น2.เหตุการณ์ที่พูดถึงมีความเกี่ยวโยงมายังจุดเวลาที่อ้างถึง(กรณีนี้คือจุดเวลาหนึ่งในอดีต)เช่นKlangjai met her boyfriened 4 years ago after she had finished her studies in france.กลางใจพบกับแฟนฌธอเมื่่อ 4 ปีที่แล้วหลังจากที่เธอจบการศึกษาที่ประเทศฝรั่งเศส

9) Future Prefect Tenseโครงสร้างของประโยคคือ subject+will+have+V3 เช่นI will have gone by the time you arrive home tomorow.ผมจะออกไปก่อนแล้วตอนที่คุณมาถึงบ้านพรุ่งนี้คุณสมบัติของ tense นี้คือ หลักๆจะต้องบรรยายเหตุการณ์ในอนาคตแล้วมองย้อนกลับมาในเวลาก่อนหน้าเช่นI will have been here for ten tears next April.ผมจะอยู่ที่นี่ครบ 10 ปี ในเดือนเมษายนหน้า(ในเดือนเมษายาปีหน้าคือเวลาที่อ้างถึง เมื่อเวลาดำเนินไปถึงตอนนั้นแล้วมองย้อนหลังกลับมา ผมก็จะอยู่ที่นี่ครบ 10 พอดี)

10) Present Perfect Continuous Tenseโครงสร้างของประโยคคือ Subject+have/has+been+V-ing เช่นI have been waiting for her since 6:00 pm.ฉันคอยเธอมาตั้งแต่ 6 โมงเย็นแล้วคุณสมบัติของ tense นี้คือ หลักๆคือใช้พูดถึงเหตุการณ์ที่เริ่มเกิดขึ้นในตั้งแต่อดีตโดยเหตุการณ์ที่ว่านี้มีความเกี่ยวโยงมาถึงปัจจุบัน และเหตุการณ์ดังกล่าวนั้นดำเนินมาอย่างต่อเนื่องยังไม่สิ้นสุดลง มันยังคงดำเนินอยู่ต่อไป เช่นShe has been studying English since 2005.เธอเรียนภาษาอังกฤษเรื่อยมาตั้งแต่ปี 2005

11) Past Prefect Continuous Tenseโครงสร้างของ tense นี้คือ subject+had+been+V-ing เช่นI had been studying English for 10 years before I met Natalie.ผมเรียนภาษาอังกฤษได้ 10 ปีแล้วตอนที่ผมพบนาตาลีคุณสมบัติของ tense นี้คือหลักของ tense นี้ิเหมือนกับ Present Prefect Continuous Tense แต่ต่างกันที่เวลาที่อ้างถึงจะเป็นเวลาในอดีตแทนที่จะเป็นปัจจุบัน

12) Future Prefect continuous Tenseโครงสร้างของประโยคคือ Subject+will+have+been+V-ing เช่นThey will have been playing all afternoon when you get home.พวกเขาจะเล่นกันตลอดช่วงบ่ายจนถึงตอนที่คุณกลับบ้านคุณสมบัติของ tense นี้คือ tense นี้มักไม่่ค่อยถูกไปใช่ในชีวิตประจำวัน ธรรมชาติของการใช้ tense นี้ คล้ายกับ Present Prefect Continuous และ Past Prefect Continuous ต่างกันตรงที่เวลาที่อ้างถึงของ tense นี้เป็นเวลาในอนาคตแทนที่จะเป็นปัจจุบัน หรือ อดีต เช่นThey will have been playing music continuously for 2 hours, when you get home at 6 pm.พวกเขาจะเล่นดนตรีติดต่อกันถึง 2 ชั่วโมงเมื่อคุณกลับถึงบ้านตอน 6 โมงเย็น


Special Thanks : ข้อมูลอ้างอิงจาก รู้ทัน สันดาน Tense ของ คุณเฑียร ธรรมดา

ส่วนต่างๆ ของคำ (Part of Speech)

ชนิดของคำจะแบ่งออกเป็น 8 ประเภท

1. คำนาม (Noun) เป็นคำที่ใช้เรียกคน สัตว์ สิ่งของ หรือสภาวะต่างๆ เพื่อใช้เป็นประธานหรือกรรมในประโยค
คน เช่น man , woman , boy , girl , etc...
สัตว์ เช่น dog , cat , bird , duck , etc...
สิ่งของ เช่น house , temple, school, table , book , etc...
สภาวะต่างๆ เช่น goodness, happiness, sadness, cheerfulness , etc

2. สรรพนาม (Pronoun) เป็นคำที่ใช้แทนชื่อคำนามที่ผู้พูดเอ่ยถึงมาแล้วข้างต้นเพื่อมิให้เป็นการซ้ำซาก และเป็นคำแทนชื่อของผู้พูด และผู้สนทนาด้วยเช่น ผม คุณ ท่านมัน เขา เธอ เป็นต้น ใช้เป็นประธานและกรรมในประโยค
He = เขา
I = ฉัน, ผม They = พวกเขา
She = เธอ, หล่อน You = คุณ, พวกคุณ
It = มัน (สิ่งของ), สัตว์ We = พวกผม, พวกเรา

3. คุณศัพท์/คุณนาม (Adjective) เป็นคำที่ใช้ขยายนาม และสรรพนาม ให้ได้ใจความที่ชัดเจนยิ่งขึ้น เช่น
He has a blue car. : เขามีรถสน้ำเงินหนึ่งคันThe thin boy is coming. : เด็กผู้ชายผอมกำลังมา

4. กริยา (Verb) เป็นคำที่ใช้แสดงการกระทำของนาม หรือสรรพนาม เช่น
That boy smiles. : เด็กผู้ชายคนนั้นยิ้ม

5. บุพบท (Preposition) เป็นคำที่ใช้เชื่อมคำนามกับคำนาม , คำนามกับสรรพนาม หรือคำนามกับกริยา ฯลฯ
A cat is on the tree. : แมวตัวหนึ่งอยู่บนต้นไม้He will go with me. : เขาจะไปกับฉัน

6. กริยาวิเศษณ์ (Adverb) เป็นคำที่ใช้สำหรับขยายกริยาให้มีความชัดเจนยิ่งขึ้น เช่น
He walks very carefully. : เขาเดินอย่างระมัดระวังThey work slowly. : พวกเขาทำงานช้า

7. คำสันธาน (Conjunction) เป็นคำที่ทำหน้าที่เชื่อมประโยคกับประโยค หรือ คำกับคำเข้าด้วยกัน เช่น
He and I are friends. : เขากับฉันเป็นเพื่อนกันHe was eat , when I came here. : เขากินข้าวเสร็จแล้วเมื่อฉันมาถึง

8. คำอุทาน (Interjection) เป็นคำเปล่งเสียงออกมาลอยๆ เพื่อแสดงความรู้สึกต่างๆ เช่น ดีใจ เสียใจ ตกใจOh! , Wow! , Yeah, etc...
Oh my god! I forgot it. : ตายจริง! (พระเจ้าช่วย!) ฉันลืมมันไปเลยOp! I did it again. : อุ๊บ! ฉันทำมันอีกแล้ว

Design of Open Media | To Blogger by Blog and Web